INTRO TO POST PUNK
Rock and Roll is dead? อีกหนึ่งคำถามที่ยังคงถกเถียงกันไม่จบไม่สิ้น เข้าสู่ทศวรรษ 2020s ช่วงเวลาที่เพลงกระเเสหลักถูกสร้างสรรค์ด้วยเสียงสังเคราะห์ มือกีตาร์โซโล่ที่เคยเป็นพระเอกยังต้องหันไปกด synthisizer เเต่นี่ไม่ใช่ครั้งเเรก ย้อนกลับไป In the middle of 70’s จากรากฐานของดนตรีการาจร็อคสู่ดนตรีกร้านโลกอย่าง “พังค์ร็อค” กร้านถึงขั้นลั่นวาจาว่า Rock and Roll ในกระแสเมนสตรีมอันล้าสมัยที่ไม่ฮอตฮิตติดชาร์ทกำลังจะตายลงในไม่ช้านี้ ใช่! มันอาจหมายถึงสัญญาณแห่งการปรับเปลี่ยนแนวเพลงไปในทิศทางข้างหน้า เป็นข้อพิสูจน์ว่าผู้คนส่วนใหญ่ในยุคปัจจุบันเปิดรับอะไรใหม่ๆ ที่เชื่อมโยงกับพวกเขามากกว่า แม้พังค์ร็อคจะมีเพียง time signature กับทางคอร์ดน้อยนิด เมโลดี้ที่พ่วงจังหวะกระชับรวดเร็ว เสียงร้องที่ช่างเย่อหยิ่งจองหอง เนื้อหาที่ชัดเจนไม่อ้อมค้อม และการสาดท่วงทำนองสุดแสนยุ่งเหยิง กลับเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์วงการดนตรีในยุคนั้นไปตลอดกาล
หัวใจหลักของพังค์คือการแสดงออกอย่าง aggressive modern ผ่านความคิดเห็นทางการเมือง เสียดสีสังคม ต่อต้านโลกทุนนิยม และระบบอำนาจอนาธิปไตยแบบเปิดเผย ฉบับที่ไม่เคยมีใครปริปากถามถึงประเด็นสุดละเอียดอ่อนนี้มาก่อน รวมถึงการเพิกเฉยต่อค่ายเพลงยักษ์ ยอมรับว่าหนุ่มสาวในเจเนอเรชั่นนั้นโคตรกล้าได้กล้าเสีย พังค์จึงกลายเป็นปรากฎการณ์ทาง subculture หรือวัฒนธรรมที่แสดงออกถึงความเป็น “ขบถ” ในหมู่วัยรุ่นจำนวนมาก ทั้งการแต่งกาย แจ็กแกตหนัง ทรงผมโมฮอว์กสุดคลาสสิค เครื่องประดับ รองเท้าบูท Dr.martens ยันทุกย่างก้าวในการดำเนินชีวิตที่ไม่ค่อยแยแสเรื่องค่านิยมสุดน่าเบื่อ
โดยหัวหอกคนสำคัญที่จุดประกายความเกรี้ยวกราดฝั่งอเมริกาคงหนีไม่พ้น Iggy Pop, The Stooges, The New York Dolls, The Velvet Underground และ Ramones ผู้เขย่าซีนดนตรีอันเดอร์กราวด์ให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง พวกเขาเติบโตมากับคลับ CBGB สถานที่ตั้งของชาวพังค์ร็อค non-mainstream และศิลปินที่แวะเวียนเข้ามาทำการแสดงกันอย่างไม่ขาดสาย อาทิ Television, Talking Heads, The Police, The Cramps, Patti Smith ซึ่งภายหลังในเดือนกรกฎาคม แก๊งค์ราโมนส์เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาเยือนเมืองลอนดอนถึง 2 ครั้ง เซอร์ไพร์สบรรดาชาวผู้ดีด้วยลีลาการเล่นและการดีไซน์เทมโปแบบ breakneck (พี่เขาอาจจะหมายถึงโยกจนคอเคล็ดหรือเปล่า?) กระแสพังค์ในประเทศอังกฤษเลยเป็นที่หนาหูขึ้น ขณะที่ฝั่งสหราชอาณาจักรยังมีวงชื่อกระฉ่อนอย่าง The Clash เจ้าของเพลง “London is Calling, Career Opportunities” และ Sex Pistols เจ้าของเพลง “God Save the Queen, Anarchy in the U.K.” ที่สุมกองไฟสร้างแรงบันดาลใจให้วงดนตรีพังค์ชื่อคุ้นอีกหลายต่อหลายวง
โปสเตอร์คอนเสิร์ตของ Patti Smith เเละ Television ที่อีกหนึ่งผับในตำนาน Max's Kansas city เมื่อปี 1974 สองศิลปินนี้ มักจะร่วมเวทีกันอยู่บ่อยครั้ง
ช่วงเวลาจาก Punk Rock สู่ Post Punk โปสเตอร์การเเสดงของ The Ramones เเละ Talking Heads ในคำ่คืนเดียวกันที่ CBGB คลับ
โชว์ครั้งเเรกของ Iggy Pop ที่ลอนดอน โดยภายถ่ายจากการเเสดงครั้งนี้ถูกนำไปใช้เป็นปก Raw Power LP อีกด้วย
CBGB คลับสุดฮิตในนิวยอร์กของชาวพังก์เเละนิวเวฟในช่วง 1970S
Second wave จุดอิ่มตัวของพังค์ร็อคในช่วงปี 1977-1981 : วงดนตรีคลื่นลูกใหม่หรือที่เรียกกันว่า “new wave” ต่างหันไปเสาะหาวัตถุดิบอื่น เพราะภาพลักษณ์เก่าหรือวิธีการแบบสุดโต่งอาจจะเชยไปเสียแล้ว แม้จะเป็นที่พูดถึงในช่วงหนึ่ง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าอะไรที่ซ้ำซากจำเจนั้นดูไม่เป็นศิลปะชั้นดีเอาซะเลย ความพริ้วไหวทางเสียงเพลงและอารมณ์อาจชนะใจคนได้มากกว่า สะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานของดนตรีหลากหลายแนว ตั้งแต่ avant-garde, dub, disco, funk, jazz, experimental, industrial, progressive, glam rock, gothic, dark wave และคิดอย่าง post-modern ด้วยเนื้อหาที่มีสาระยิ่งขึ้น สังเกตในส่วนของการยกระดับองค์ประกอบดนตรีต่างๆ มาใช้ เช่น การตีกลองแบบ motorik สัดส่วน 4/4 จังหวะปานกลางที่ได้รับอิทธิพลจากแนว krautrock อย่างวงดนตรีทดลองสัญชาติเยอรมันเช่น Can, Neu! มาเต็มๆ, การนำร่องเบสไลน์ที่หนักแน่นน่าดึงดูด, ริฟฟ์กีตาร์ stripped down ที่โดดเด่นมีสไตล์ และขั้นตอนการบันทึกเสียงที่ DIY ethic ไม่ตายตัว
หน้าปกอัลบั้ม Ege Bamyası ของวง Can หนึ่งในผู้บุกเบิก Krautrock ในตำนาน
Joy Division วงดนตรี Post Punk ที่ยังทรงอิทธิพลจนถึงยุคปัจจุบัน
Joy Division คือหนึ่งในนั้น พวกเขาคือวงดนตรี iconic ด้านสุนทรียะทางเสียงเพลงสุดมืดมนที่เคยมีตัวตนจริง การันตีด้วยผลงานชุดแรก Unknown Pleasure ทว่าน่าเสียดายที่ฟรอนต์แมน Ian Curtis ลาโลกนี้ไปก่อนวัยอันควรในเดือนพฤษภาคมปี 1980 เพื่อเป็นการระลึกถึงนักร้องหนุ่มวัย 23 ปีคนนี้ และการจดจำสมาชิกที่เหลือในฐานะที่เคยร่วมงานและ re-formed วงใหม่ภายใต้ชื่อ New Order อัลบั้มชุดที่สองนามว่า Closer และซิงเกิลเปิดตัวอย่าง Love Will Tear Us Apart ได้ถูกปล่อยออกมาหลังโศกนาฏกรรมที่ช็อควงการไปทั่วโลก นับเป็นตำนานที่ส่งไม้ต่อให้กับเพื่อนศิลปินคอเดียวกัน อาทิ The Fall, Gang of Four, Killing Joke, Public Image LTD., Echo & the Bunneymen, The Jesus and Mary Chain, The Cure, Bauhaus, The Smith, The Psychedelic Furs, The Durutti Column, Wire ฯลฯ
ลายมือของ Ian Curtis นักร้องนำวง Joy division ที่เขียนเนื้อเพลง Disorder
Third wave บทบาทของผู้หญิงและลัทธิสตรีนิยมในช่วงปลายปี 80’s - 90’s :
การกำเนิด Riot Grrrl วงดนตรีพลังหญิงที่มีภาพลักษณ์แบบ bad girl image ที่ไม่จำเป็นต้องทำตัวซอฟต์ให้สมกับคำว่ากุลสตรี พวกเธอต้องการสื่อสารด้วยภาษาที่ลดทอนอคติทางเพศและการถูกกดขี่ในแวดวงอุตสาหกรรมดนตรี แนวคิดแบบ feminist เนี่ยแหละที่สามารถสร้างพื้นที่ safe zone ให้เหล่าสาวๆทั้งหลายได้เรียนรู้ว่าพวกเธอก็มีสิทธิมีเสียงพูดไม่ต่างจากเพศตรงข้ามนะ ยกตัวอย่าง Brat Mobile, Bikini Kill, Crass, Delta-5, Lydia Lunch, The Slits, The Raincoats, Siouxsie and the Banshees, Sonic Youth, Teenage Jesus & The Jerks, X-Ray Spex ฯลฯ
Bikini Kill
Joy De Vivre หนึ่งในนักร้องนำวง Crass
Kim Gordon - Sonic Youth
จากอิทธิพลที่ถูกสังคมส่วนใหญ่ตีตราว่าเป็นพวกนอกคอก กลายเป็นแรงขับเคลื่อนขนาดใหญ่ที่กระทบเป็นวงกว้างจนถูกยอมรับในที่สุด พวกเขาฝากฝังแง่คิดที่ใครหลายคนมองว่าเป็นแนวเพลงแห่งการปรับเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับโลกแห่งความเป็นจริงมาผนวกกับอิสรภาพในการพูดคุย และผลักดันด้วยอุดมการณ์ free speech, free thought อย่างที่ Joe Strummer นักร้องนำ The Clash เคยกล่าวไว้
“ไม่ว่าคุณจะให้ความสำคัญกับวีถีแห่งพังค์มากแค่ไหน สำหรับผมมองว่ามันคือหมุดหมายเดียวที่อนุญาตให้พวกเราคิดหรือทำอะไรก็ได้ดั่งใจหวัง”
