ICEAGE - SEEK SHELTER [NEW ALBUM RELEASE]
ฟังเต็มๆ ได้แล้ว! Seek Shelter อัลบั้มเต็มชุดใหม่จาก Iceage พังค์ร็อกสุดเท่จากเด็นมาร์ก
ตลอด 10 ปีที่ผ่านมาในวงการของ Iceage วงพังค์ร็อกจากเมืองเมืองโคเปนเฮเกน ประเทศเด็นมาร์ก ดนตรีของพวกเขาดูแทบจะเป็นที่รู้จักไม่มากนัก ถึงแม้จะเติบโตขึ้นและเข้าถึงได้ง่ายขึ้นในอัลบั้มคลาสสิคอย่าง Plowing Into The Field Of Love (2014) และ Beyondless (2018) ก็ตาม แต่ผลงานของวงนั้นมีเอกลักษณ์ที่หาได้ยาก ในเรื่องมุมมองที่แปลกแยก คาแร็คเตอร์วงดูมีความลึกลับ และตัวเพลงที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกเหมือนมีควันบุหรี่หรือควันจากเพลิงไหม้ลอยออกมาจากเพลงอยู่ตลอดเวลา คล้ายพวกเขามีพิธีกรรมของลัทธิบางอย่างอยู่ในเพลง ทั้งๆ ที่วงใช้โครงสร้างเพลงร็อกง่ายๆ แบบเก่าๆ ที่เราคุ้นเคยแต่พวกเขากลับสามารถพาเราไปที่ไหนสักแห่งที่ซับซ้อนและน่าพิศวงยิ่งกว่า
มาที่อัลบั้มใหม่ Seek Shelter กับเพลงแรก “Shelter Song” เพลงเปิดอัลบั้มที่ต้องบอกเลยว่า Iceage ไม่เคยเขียนและทำเพลงอะไรแบบนี้มาก่อน แม้ตัวซาวด์ให้ความรู้สึกเหมือนอัลบั้ม Beyondless แต่เพลงนี้ได้วงนักร้องประสานเสียงอย่าง Lisboa Gospel Collective มาร่วมร้องประสานกับ Elias Bender Rønnenfelt นักร้องนำของวงในท่อนฮุคที่ฟังแล้วให้ความรู้สึกเหมือนได้ก้าวผ่านความมืดมิด และทำให้ดนตรีของวงมีความสว่างมากขึ้น
และมิวสิควิดีโอเพลง “Shelter Song” นั้นจะให้เราให้เห็นภาพคนใกล้ชิดของวงที่เมืองบ้านเกิดในเด็นมาร์ก รายล้อมไปด้วยครอบครัว และเพื่อนฝูง ซึ่ง Iceage ไม่ใช่วงดนตรีที่มักให้คนได้เห็นภาพแบบนี้บ่อยนัก พอได้เห็นภาพเหล่านี้พร้อมกับเสียงประสานจากเพลงทำให้รู้สึกอบอุ่นและได้คิดว่า Iceage ก็เหมือนพวกเราทุกคน ที่ได้ออกจากช่วงเวลาที่เลวร้ายมานานและเรียนรู้ที่จะยื่นมือออกไปหาผู้อื่น ในขณะที่อัลบั้ม Beyondless ของวงจะพูดถึงโลกแห่งความเป็นจริงที่เหมือนกำลังจะแตกสลาย
Iceage ดูเหมือนจะแสดงบทใหม่ที่แตกต่างอย่างชัดเจนสำหรับอัลบั้มที่ 5 ของพวกเขา ซึ่งในการทำอัลบั้ม Seek Shelter สมาชิกทั้ง 5 คน ได้แก่ Rønnenfelt, Johan Surrballe Wieth, Dan Kjær Nielse, Jakob Tvilling Pless และ Casper Morilla (มือกีตาร์ที่เข้ามาเป็นสมาชิกใหม่) ได้ออกเดินทางไปที่เมือง Lisbon เพื่อพบกับ Sonic Boom หรือ Pete Kember (อดีตสมาชิกก่อตั้งของวง Spacemen 3 ที่ผันตัวมาเป็นโปรดิวซ์เซอร์และร่วมงานกับศิลปินมากมาย) และได้ขอให้มาเป็นโปรดิวเซอร์ให้กับวงในอัลบั้มนี้
ต่อจากเพลง “Shelter Song” ตามมาด้วย “Hight & Hurt” เริ่มต้นด้วยริฟเบสและจังหวะชวนโยก ก่อนที่ Rønnenfelt จะร้องท่อนฮุคด้วยเมโลดี้เพลงสวด “Will The Circle Be Unbroken?” และนำเนื้อร้องจริงของเพลงสวดมาร้องในฮุคสุดท้ายอีกด้วย ต่อมาเพลง “Love Kill Slowly” ที่เริ่มด้วยเปียโนและค่อย ๆ ถาโถมเครื่องดนตรีอื่นเข้ามาจนถึงท่อนฮุคที่มีเสียงประสานและตามมาด้วยเครื่องสายที่ค่อย ๆ เป็นดั่งคลื่นที่ทวีความรุนแรงขึ้นตามชื่อเพลง ซิงเกิ้ล “Vendetta” พูดถึงอาชญากรรมและการเมืองอันบิดเบี้ยว ด้วย groove ดนตรีเท่ ๆ แบบ psych-rock ซึ่งเพิ่มสีสันให้กับวงมาก
ต่อมาในเพลงบัลลาดสุดครึกครื้น “Drink Rain” พูดถึงความสบายที่ได้อยู่ข้างคนรัก “Gold City” เริ่มด้วยเสียงเมาท์ออร์แกนสุดเหงา และเปลี่ยนเป็นจังหวะสนุกชวนเต้นและร้องตามได้ในท่อนฮุค เนื้อเพลงพูดถึง สิ่งที่คนสองคนต้องทนทุกข์นั้นสามารถแก้ไขได้ในตอนนี้เมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกัน “Saint Ceclilia” เพลงจังหวะสนุกสไตล์ punk ริฟเบสกลางเพลงโดดเด่น มีความผสมผสานดนตรี britpop
“The Wider Powder Blue” จัดวางเสียงเครื่องเป่าในท่อนฮุคได้อย่างโดดเด่นเพิ่มความสว่างให้กับเพลง ก่อนตัดอารมณ์กับเสียงกีตาร์ดิบ ๆ สไตล์วง และเพลงสุดท้าย “The Holding Hand” ที่เหมือนอาจเป็นการบอกว่า Iceage ยังคงท่องไปในดินแดนอันเลวร้ายของ Beyondness ด้วยเสียงเอฟเฟ็คร้องและเสียงย้อนกลับสุดหลอน เหมือนเป็นการพาตัวเองกลับเข้าสู่โลกที่ตนเองถนัดนั่นเอง
Seek Shelter ไม่ใช่อัลบั้มที่เปลี่ยนสไตล์โดยสิ้นเชิง หรือเป็นการก้าวกระโดดจากแต่ละอัลบั้มก่อนหน้า แต่หลังจากผ่านทศวรรษแรกมาแล้ว เหมือนบางทีวงต้องการจะเป็นวงดนตรีในแบบที่พวกเขาอยากจะเป็นต่อไป พวกเขาไม่ได้สูญเสียความดุร้ายแบบพังค์ไป แต่พวกเขากลับเชี่ยวชาญดนตรีร็อกมากขึ้นเรื่อยๆ และมีองค์ประกอบของคลาสสิคร็อกเพิ่มขึ้น เน้นบรรยากาศมากขึ้น ซึ่งในหลายๆ ด้านอัลบั้ม Seek Shelter เป็นเหมือน Beyondless ที่มีเหตุผลมากขึ้น และความสวยงามที่พวกเขามอบให้ใน Seek Shelter นั้นน่าทึ่ง ยิ่งฟังมากเท่าไหร่ก็ยิ่งติดอยู่กับพวกเขามากขึ้นเท่านั้น