ST. VINCENT - DADDY’S HOME [NEW ALBUM RELEASE]
St. Vincent ปล่อยอัลบั้มใหม่ ‘Daddy’s Home’ การกลับมาที่จัดจ้านไปด้วยกลิ่นอาย funk & soul จากยุค 70’s
ทุกอัลบั้มของ St. Vincent (หรือชื่อจริง Annie Erin Clark) ศิลปินนักร้อง/นักแต่งเพลงสาวชาวอเมริกันที่มีคาแร็คเตอร์ของตัวเองแตกต่างกันไปในแต่ละอัลบั้ม เธอมักถูกนำมาเทียบกับศิลปินป๊อบระดับตำนานอย่าง David Bowie และ Madonna อยู่เสมอ
หลังจากเดบิวต์อัลบั้ม Marry Me ในปี 2007 ตามมาด้วยอัลบั้ม St. Vincent ในปี 2007 ที่ทำให้เธอได้รับรางวัลแกรมมี่ (Grammy Awards) ในสาขา Best Alternative Album และล่าสุดเธอได้ปล่อยอัลบั้มใหม่ Daddy's Home พร้อมเปลี่ยนคาแร็กเตอร์เพลงครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งด้วยการพูดถึงความรู้สึกของมนุษย์ธรรมดาคนนึงที่แตกสลาย
Daddy's Home มาพร้อมกับเรื่องเล่าส่วนตัวที่หาฟังได้ยากของ Clark ซึ่งเธอได้แรงบันดาลใจบางส่วนในการทำอัลบั้มนี้มาจากการที่พ่อของเธอได้รับการปล่อยตัวจากคุกหลังจากผ่านไป 10 ปีนั่นเอง เนื้อเพลงที่พูดถึงการเข้าใจในปัญหา ทำให้นึกถึงอัลบั้มอย่าง Strange Mercy (2011) ขึ้นมาอยู่บ้าง แต่สำหรับเรื่องนี้ เธอไม่ค่อยได้พูดถึงสถานการณ์นี้ยาวมากนัก ซึ่งอัลบั้ม Daddy's Home นี้เป็นโอกาสที่เธอจะบอกเล่าเรื่องราวนี้ในแบบของเธอเอง ซึ่งเธอได้อธิบายถึงภาพตัวละครจากอัลบั้มนี้ว่า "คนมีข้อบกพร่องที่พยามทุกอย่างเต็มที่ เพื่อเอาชีวิตรอดต่อไปให้ได้" Clark ได้เจาะลึกและเปลียนวิธีการเล่าด้านสุทรียศาตร์ของตนเองทำให้มีเรื่องราวฉากหลังที่สมบูรณ์มากขึ้นในอัลบั้มใหม่นี้ และจะพาทุกคนกลับไปรู้จักดนตรีจากยุค 70’s อย่าง Steely Dan, Stevie Wonder, David Bowie ที่เธอชื่นชอบในวัยเด็ก
“Pay Your Way in Pain” เพลงเปิดอัลบั้มซึ่งเป็นซิงเกื้ลแรกของอัลบั้มใหม่ที่ปล่อยออกมาให้ได้ฟังกันเมื่อเดือนที่แล้ว ซาวด์ยังทำให้นึกถึงอัลบั้มก่อนหน้าอย่าง Masseducation อยู่บ้าง มีเสียงซินธ์โดดเด่น จากนั้น “Down and Out Downtown” จะให้ความรู้สึกเหมือนกำลังพาคุณนั่งรถไฟไปเรื่อย ๆ เสียงซิตาร์และเสียงร้องโดดเด่น “Daddy's Home” ไตเติ้ลแทร็คของอัลบั้มที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเซ็นลายเซ็นตอนไปเยี่ยมพ่อในห้องขัง และเห็นพ่ออยู่ในชุดสีเขียวของนักโทษรัฐ “Live in the Dream” เพลงไซคีเดลิกบัลลาดล่องลอยสไตล์เดอะบีเทิลส์ เป็นอีกเพลงที่เสียงซิตาร์โดดเด่นมาก
“The Melting of the Sun” ซิงเกิ้ลที่สองของอัลบั้มที่ปล่อยออกมา มีเนื้อเพลงเขียนถึง Dark Side of The Moon ชื่ออัลบั้มคลาสสิคของ Pink Floyd อีกด้วย ซึ่งพอฟังซาวด์แล้วก็ชวนให้นึกถึงอัลบั้มนั้นจริงๆ “The Laughing Man” มีเสียงสายฉุกเฉินเป็นแบร็คกราวในเพลงบัลลาดที่ให้ความรู้สึกค่อยๆ กำลังแผดเผาอย่างช้าๆ “Down” เพลงจังหวะแบบ uptempo ที่ติดหูมากทั้งริฟ เมโลดี้ และเสียงซิตาร์ “Somebody Like Me” เพลงบัลลาดสุดน่ารัก ที่มีการใช้เครื่องดนตรีอย่างกีตาร์ steel เข้ามาด้วย (กีตาร์ที่รูปทรงเหมือนเครื่องสายอันใหญ่ๆ) เนื้อเพลงพูดถึงการที่ Clark มองตัวเองโดยใช้สายตาคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องคู่ควรในความรัก “My Baby Wants a Baby” ให้ความรู้สึกถึงสไตล์ Sheena Easton นักร้องอาร์แอนด์บียุค 80 อย่างเพลง “Morning Train (Nine to Five)” ต่อมา “...At the Holiday Party” ซาวด์ที่เป็นสไตล์เพลงอัลเทอร์เนทีฟร็อคในแบบของ Clark และเพลงสุดท้ายของอัลบั้ม “Candy Darling” กับมุมมองที่เห็นถึงความอ่อนโยนและความเปราะบางที่ซ่อนอยู่ทั้งภายในภายนอก ซึ่งตั้งชื่อเพลงตามนักแสดงหญิงข้ามเพศผู้ร่วมงานของ Andy Warhol ที่วง The Velvet Underground เคยเขียนเพลงถึงใน “Candy Says” เช่นกัน
หากในแง่ตอบสนองความต้องการตัวเองต้องบอกเลยว่า Daddy’s Home ได้ประสบความสำเร็จแล้ว เพราะอัลบั้มนั้นเต็มไปด้วยสัญลักษณ์อันน่าดึงดูดของยุค 70’s มีเสียงซินธ์สไตล์ฟังก์ เสียงออร์แกนฟุ้งๆ นักร้องคอรัสแบบโซล และเสียงซิตาร์แบบเมามาย พอรวมกับการเล่าเรื่องที่มาถูกที่ถูกเวลาของ Clark นั้นทำให้เห็นภาพตัวละครที่เธอวาดไว้ในหัวได้อย่างชัดเจน เช่น ผู้หญิงที่มีรองเท้าส้นสูงอยู่ในมือกลับบ้านจากการเที่ยวกลางคืนในขณะที่คนอื่นเริ่มต้นวันใหม่ หรือคนที่สูญเสียความรู้สึกที่งานปาร์ตี้ทุกครั้ง
นอกจากนี้อัลบั้มนี้เป็นอีกครั้งที่ Clark ได้กลับมาร่วมงานโปรดิวซ์คู่กับ Jack Antonoff (มือกีตาร์/มือกลอง วง Fun) หลังเคยร่วมงานกันในอัลบั้มที่แล้วอย่าง Masseducation (2017) ซึ่ง Jack ยังได้ร่วมเขียนเพลงคู่กับ Clark ในอัลบั้มนี้ 4 เพลงอีกด้วย หากพูดในภาพรวมสามารถพูดได้ว่า Daddy’s Home มีความอบอุ่นมากขึ้นกว่าอัลบั้มก่อน ๆ เป็นอย่างมากเลยทีเดียว