SOLITUDE IS BLISS - ICARUS CONCERT [Review]
Solitude is Bliss : Icarus Concert รีวิวคอนเสิร์ตออนไลน์เต็มรูปแบบกับ 13 บทเพลงคัดสรรจากศิลปินส่งตรงถึงบ้านคุณ!
Icarus Concert คอนเสิร์ตออนไลน์ความยาว 1 ชั่วโมงเต็มที่รายล้อมด้วยโปรดักชั่นแสงสีเสียง กระหน่ำ 13 บทเพลงคัดสรรให้พวกเราได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่จากวงดนตรีโปรเกรสซีฟร็อคสัญญาติไทยเมืองล้านนา Solitude is Bliss ศิลปินต้นสังกัดค่าย Minimal Records ผนึกกำลังทีมวิชวลอาร์ตติส LikeliHood, ทีมไลท์ติ้งอาร์ตติส Sweet Area Production และฝ่ายเอนจิเนียร์อย่าง นิว-ปฐมพล จันทรอินทร์ เสิร์ฟพร้อมคอนเซปต์ “อิคารัส” มนุษย์ผู้หลงระเริงในอำนาจและฝืนท้าทายกฎของธรรมชาติจนทำให้ร่วงหล่นสู่หายนะ อันเป็นตำนานเล่าขานของเทพนิยายกรีกโบราณ
เริ่มนับถอยหลังผ่านเสียงแบ็คกิ้งแทร็กกระซิบกระซาบ Please Verify That You Are Not a Robot เหมือนหลุดมาจากอนาคต เครื่องบินที่ตั้งตระหง่านอยู่ด้านหลัง สถานที่รกร้างว่างเปล่า บรรยากาศราวกับโลกดิสโทเปีย คงถึงเวลา “Show Time” และ “Rich Man’s War Poor Man’s Blood” สองเพลงแรกที่ปลุกเร้าด้วยจังหวะกลองของแฟรงค์-ศรันย์ ดลพิพัฒน์พงศ์ ซีนโค้งตัวสับนิ้วระรัวของมือกีตาร์ และซาวด์แตกพร่าที่ค่อย ๆ ยกระดับอารมณ์ให้พุ่งพล่านยิ่งขึ้น นับเป็นการวอร์มเครื่องยนต์ดี ๆ นี่เอง พระเอกหลักคือซาวด์ซินธิไซเซอร์จากปอนด์-ทรงพล แก้ววงศ์วาร หมอกควันเริ่มคละคลุ้ง “สตรี” บทเพลงจากอัลบั้ม Her Social Anxiety มีการโซโล่ที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย ชวนปรบมือพลาง “Actions Speak Louder Than Words” เสียงเบสดึงดันจากโด่ง-จอมยุทธ์ วงษ์โต “Dream On, Ice Cream” มุมกล้องคอยจับจ้องรายละเอียดแต่ละส่วน เว้นช่วงให้เพ้อฝันท่ามกลางความหวัง
ก่อนกลืนกินเข้าสู่ภวังค์และเปิดเผยธาตุแท้ของมนุษย์ทั้งด้านมืดและสว่างไสว “เพียงสิ่งเดียว” ตอบโจทย์ความเป็นปีศาจร้ายในหัวใจ ดำดิ่งไปกับ string section ในบทเพลง “Note from the Garrett (02.00 A.M.)” น้ำเสียงอันหม่นลึกของเบียร์-เศรษรฐกิจ สิทธิ ประสานคู่เฟนเดอร์-ธนพล จูมคำมูล สอดคล้องกับกีตาร์อะคูสติกจากเพลง “Yellow Line” ได้เป็นอย่างดี “Real Robot” ปรากฎวิชวลโค้ด ลูกคอเอื้อนสร้อย ทางคอร์ดสไตล์ไทยซาวด์คล้ายพิณ “Glory Will Come Last” ปล่อยวางยศถาบรรดาศักดิ์เสีย แม้เวลาจะล่วงเลยมาครึ่งโชว์แล้ว “Monsicha” กลับทอแสงเรืองรองเป็นรูปทรงพระอาทิตย์สีเหลืองตัดสีเขียวสลับกายชายหนุ่มทั้งห้า มวลไม้ดอกที่รอคอยวันเบ่งบาน พากันเปล่งเสียงร้องเรียก “Golden Whistle” คอรัสหยอกล้อเจ้านกหวีดและเมโลดี้บัลลาดกวน ๆ ทีเล่นทีจริง กิมมิคระหว่างโชว์ก็สามารถตรึงคนดูไว้เมื่อ “Pigeon Catcher” บรรเลงริฟฟ์ที่คุ้นหู ทุกย่านสูงต่ำถูกแต่งเติม สาดพลังหยดสุดท้ายที่มี กล่าวลาพวกเราและทิ้งทวนให้สำรวจตัวเองภายใต้สรรพเสียงก้องกังวานเหล่านั้น
สารที่ทางวงอยากส่งถึงผู้ชม “เราจะหลงเหลือความเป็นมนุษยธรรมไว้หรือเปล่า?” มุมหนึ่งของอิคารัสก็อาจเปรียบเสมือนมนุษย์ที่ถูกกักขังไม่ต่างจากนกพิราบ ถูกจองจำไม่ต่างจากประชาชนผู้โหยหาอิสระภาพ อีกไม่นานเกินรอ ชนชั้นปกครองจะโดนย่ำยีดั่งที่พวกเขาเคยพรากความหนุ่มสาววัยเยาว์ไป สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับ Solitude is Bliss และได้รับชมคอนเสิร์ตออนไลน์แล้ว อย่าลืมมาบอกให้เพื่อนๆ ชาว HAVE YOU HEARD? ฟังล่ะ